เพราะเด็กคือ “ความหวัง” ของแผ่นดิน ถ้าหากจะกล่าวว่า อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพชีวิตของเด็กไทยในปัจจุบันก็คงไม่ผิดนัก ด้านการเรียนรู้ของเด็กต้องเริ่มตั้งแต่วัยทารก ซึ่งช่วงเวลาหกปีแรกนี้เองนับเป็นช่วงที่สำคัญยิ่ง เพราะถือเป็นรากฐานของการพัฒนา และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีตลอดไป
สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม (สำนัก 6) ร่วมกับสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ(สำนัก 5) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้สนับสนุน โครงการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับการพัฒนาการเด็กเล็ก โดยร่วมจัดทำชุดโครงการ “มหัศจรรย์สื่อสร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศขึ้นในปี 57 จำนวน 138 ปี 58 จำนวน 200 ศูนย์ ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเห็นความสำคัญ และยังส่งเสริมให้การเลี้ยงดูเด็กในช่วงปฐมวัยให้มีคุณภาพมากที่สุด เห็นได้จากโครงการต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูเด็ก มีความรู้ความสามารถ โดยมีหลักการในการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการดี เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพเหมาะสมตามช่วงวัย ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
รุจจิราภรณ์ พรมมิ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทุ่งน้อย องค์การบริหารส่วนตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เล่าว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายใต้สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นหนึ่งส่วนเล็กๆ ที่มีความสำคัญในการทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เพราะช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของเด็กเล็กได้ ทั้งยังเป็นที่เตรียมความพร้อมเด็กก่อนวัยเรียน ให้มีทักษะทุกด้านพร้อมที่จะเข้าเรียนในระดับการศึกษาภาคบังคับต่อไป เด็กๆในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกว่าร้อยละ 90 มาจากครอบครัวรากหญ้าที่เป็นกลุ่มประชากรจำนวนมากที่สุดในประเทศ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เด็กกลุ่มนี้ถือเป็นเด็กกลุ่มใหญ่ที่เราเรียกได้ว่าเป็น “ความหวังของแผ่นดิน”
รุจจิราภรณ์ บอกอีกว่า ครูผู้ดูแลเด็ก คือกลุ่มคนเล็กๆที่แบกความรับผิดชอบอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเพราะหน้าที่ของเราคือการสร้างชาติ และแน่นอนว่าการสร้างคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากนักเพราะพวกเราต่างทำหน้าที่นี้ด้วยหัวใจที่ยินดียิ่ง พวกเรามีความพร้อมที่จะเรียนรู้ฝึกฝน ตั้งใจพัฒนา และลับคมอาวุธทางปัญญาของตนเองเสมอ เพื่อนำมาใช้ในการสร้างคน สร้างชาติ ซึ่งเราเชื่อมั่นเหลือเกินว่า เด็กจะดีได้เพราะมีครูดีคอยอบรมสั่งสอน
โครงการมหัศจรรย์สื่อสร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปีที่ 2 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มีพลังใจพลังกายในการทำหน้าที่สร้างคน สร้างชาติต่อไปได้ เพราะการเข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าวทำให้เราได้พัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านการจัดการและสร้างพื้นที่ สร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ด้วยแนวคิด 3 ดี ได้แก่ สื่อดี พื้นที่ดีและภูมิดี ทำให้เราได้คิดวิเคราะห์หาต้นทุน 3 ดีในท้องถิ่นของเรา เพื่อเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพและมีพัฒนาการสมวัย
ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการมหัศจรรย์สื่อ สร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ณ ผืนแผ่นดินถิ่นล้านนาจากทั้ง 51 ศพด. คือการผลิตและใช้สื่อที่มีชื่อว่า “สืบฮีตสานฮอย ………” มาส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเล่นอย่างมีคุณภาพให้กับเด็กๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของพวกเรา ซึ่งพวกเราได้ใช้หลักแนวคิด 3ดีและได้ค้นพบว่าผืนแผ่นดินถิ่นล้านนานี้มีของดีที่เป็นเอกลักษณ์มีคุณค่า และมีเสน่ห์มาสร้างสรรค์เป็นสื่อ ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์จาวยองแห่งเมืองหละปูน , วิถีไตลื้อ ไตพวนแห่งเมืองภูกามยาว(พยาว) , จ้องก้านไม้ป๋ายกระดาษบ่อสร้างแห่งนครพิงค์ , เครื่องถ้วยก๋าไก่เขลางค์นคร , ปู่ม่าน ย่าม่านแห่งน่านนคร ,เรื่องเล่าประวัติศาตร์เมืองศรีสัชชนาลัย , ตำนานชาละวันเมืองพิจิตร , ผ้าหม้อฮ้อมเมืองแป่ หรือมนต์เสน่ห์ชาติพันธุ์อันหลากหลายจากแดนเชียงรายรฤก เป็นต้น
ด้านคุณครูนิภาพร ปาระมี แห่งศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัดแม่แรง สังกัดเทศบาลตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ได้ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการผลิตสื่อ ‘สืบฮีตสานฮอย จาวยองน้อยเมืองหละปูน หรือ ตุ๊กตาจาวยองจากถุงเท้า’ ว่า สื่อชื้นนี้เกิดจากแอบเห็นเด็กๆ นำถุงเท้าที่เพื่อนถอดแล้วเก็บใส่กระเป๋าไม่หมด นำมาสวมมือแล้วเอามาพูดคุยเล่นกับเพื่อน ตนจึงเกิดแนวคิดนำถุงเท้ามาทำตุ๊กตา โดยเริ่มจากเป็นตัวสัตว์ก่อน เมื่อนำมาใช้เล่านิทานก็พบว่า เด็กๆ ชอบมากและสามารถดึงดูดความสนใจจากพวกได้เป็นอย่างดี ตนจึงต่อยอดจากตุ๊กตารูปสัตว์สู่การทำตุ๊กตาจาวยอง โดยนำเศษผ้าฝ้ายทอมือที่เป็นเอกลักษณ์ชาวยองมาตกแต่งเพิ่มกับถุงเท้าจนเป็น ตุ๊กตาจาวยองที่สวยงาม และนำไปสู่การจัดประสบการณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กๆ โดยใช้หลักแนวคิด 3ดี จากโครงการฯ เพื่อเป็นฐานเชื่อมโยงสู่การเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม กล่าวคือเด็กๆ ในศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัดแม่แรง จะได้เรียนรู้ซึมซับวิถีแห่งวัฒนธรรมอันดีงามของจาวยอง ไม่ว่าจะเป็นสำเนียงภาษาพูดแบบจาวยอง การแต่งกายแบบจาวยอง อาหารการกินแบบจาวยอง รวมถึงวิถีชีวิตฮีตฮอยจาวยอง เป็นต้น
คุณครูนิภาพร เล่าต่ออีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นการถ่ายทอดผ่านกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยใช้ตุ๊กตาจาวยองจากถุงเท้าเป็นสื่อการเรียนรู้ อย่างการเล่านิทาน โดยนอกจากใช้ตุ๊กตาจาวยองเป็นตัวละครแล้ว เรื่องราวที่นำมาเล่าก็ยังเป็นเรื่องราวของจาวยองด้วยเช่นกัน หรือกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายก็นำการละเล่นแบบจาวยองมาให้ เด็กได้เล่น แม้แต่ด้านโภชนาการเด็กๆ ก็จะได้ทำอาหารพื้นบ้านจาวยองและรับประทานร่วมกัน ซึ่งในกระบวนการทั้งหมด ตนได้มีการออกแบบกิจกรรมเพื่อเชื่อมร้อยให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วน ร่วมในทุกขั้นตอนของกิจกรรม ทั้งการนำพ่ออุ้ย แม่อุ้ยมาเล่านิทานพื้นบ้านจาวยองให้เด็กฟัง ด้านผู้ปกครองก็จะสาธิตและร่วมทำอาหารพื้นบ้านจาวยอง ผู้นำชุมชนเป็นวิทยากรพาเด็กๆ ไปเรียนรู้ตามแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมฮีตฮอยจาวยองในหมู่บ้าน เป็นต้น
“จากกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้โดยการใช้สื่ออย่าง สรรค์ดัง ทำให้เด็กๆมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น มีพัฒนาการทั้ง 4 ด้านดีขึ้นเป็นลำดับ สำหรับผู้ปกครองและชุมชน มีความพึงพอใจมากที่ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัดแม่แรงได้สร้างกระบวนการ เรียนรู้ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยนำรากเหง้าของวัฒนธรรมจาวยองมาเป็นฐาน ทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีกับผู้ปกครองและชุมชน ซึ่งกระบวนการจัดกิจกรรรมทั้งหมดที่ได้เล่ามานั้น นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กๆ แล้ว ยังสร้างความตระหนักให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าและความสำคัญของวิถีชีวิตจาวด้วย เช่นกัน” คุณครูนิภาพร บอกเล่าอย่างภูมิใจ
“มหัศจรรย์สื่อ สร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปีที่ 2” เป็นโครงที่ทำให้เกิดกระบวนการเชื่อมโยงของสื่อสร้างสรรค์ที่มอบคุณค่าแห่ง การเรียนรู้ให้กับทุกช่วงวัยได้อย่างน่ามหัศจรรย์
เรื่องโดย : รุจจิราภรณ์ พรมมิ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทุ่งน้อย อบต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน
“…เขาก็แสวงหาเพื่อน เราเองก็ต้องการเพื่อน มันจึงลงตัวพอดี พอเขาเห็นกิจกรรมที่เราทำ เขาก็อยากทำงานกับเรา ถ้าใครจะทำงานกับพี่นัดมาเลย ไม่ต้องคอยหลายวัน นัดแล้วลงมือทำงานร่วมกันเลย” เตือนใจ สิทธิบุรี หรือ หลายๆคนเรียกเธอว่า “ป้าป้อม” อดีตนักกิจกรรมมหาวิทยาลัยวิทยาลัยรามคำแหง สั่งสมประสบการณ์การทำงานพัฒนาและงานค่ายกิจกรรมเห็นต้นทุนทางสังคมของบ้านเกิดจึงมุ่งมั่นสร้างการเรียนรู้ ฟื้นฟูวัฒนธรรม และเชื่อมโยงคนในชุมชน ทั้ง 3 วัยมาเป็นครอบครัวเดียวกัน เริ่มทำงานครั้งแรก ในปี 2530 กับกลุ่มสื่อเพื่อการพัฒนา (AMED) ทำงานกับชาวบ้านในชุมชนแออัด ได้ฝึกกระบวนการคิด และกระบวนการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป็นระบบ จนถึงปี 2536 เปลี่ยนมาทำงานที่มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีโอกาสเดินทางไปการทำงานในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย ทำให้เพิ่มพูนทักษะ เทคนิคการทำงานพัฒนา การประสานงานในพื้นที่ และมีเครือข่ายการทำงานมากขึ้น ก่อนกลับมาเป็นบัณฑิตอาสา กับ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมประชาสงเคราะห์เดิม) และร่วมมือกับเครือข่ายเกษตรทางเลือกภาคใต้ ในการทำงานพัฒนาที่บ้านเกิด ในตำบลนาโหนด จังหวัดพัทลุง ทำให้เห็นทุนทางสังคม และศักยภาพของพื้นที่ในด้านเกษตร เกิดตกผลึกทางความคิด จึงตัดสินใจตั้งหลักปักฐานสร้างครอบครัว ที่บ้านเกิดของตนเอง ด้วยการยึดอาชีพเกษตร ทำสวนยาง ทำนา ทำสวนเป็นหลัก ควบคู่การทำงานพัฒนาในชุมชนท้องถิ่น […]
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็กเชิญชวนทุกท่านที่สนใจเรื่องเล่นของเด็กๆ ไม่จำกัดเพศ อายุ “มาร่วมแลกเปลี่ยน” กับงานสัมมนานานาชาติ “สิทธิการเล่นของเด็กในภาวะวิกฤติ” International Seminar on Access to Play in Crisis วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม 2560 ณ ห้องสมรรถนานา โรงแรมนูโวซิตี้ สามเสนซอย 2 เขตพระนคร กรุงเทพฯขอเพียงคุณเห็นว่าเรื่องเล่น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็กๆทุกคนบนโลก ในงานสัมมนาคุณจะได้ความรู้จาก “งานวิจัยการเล่นของเด็กในสภาวะวิกฤติ”?? โดย นักวิจัยจาก 6 ประเทศ ??️ ??️️ ??️ ?? ??️ ??️ (ญี่ปุ่น,เนปาล,อินเดีย,ไทย,เลบานอน,ตุรกรี,) และสาระความรู้เรื่องการเล่นอีกมากมาย *****มีล่ามแปลภาษา อังกฤษ-ไทย ตลอดทั้งงาน***** สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่ : คุณสุนีย์ สารมิตร 02- 433-6292 กด 0
“พอเรามีโอกาสได้เป็นผู้ให้ มันมีความสุขครับที่ได้เห็นรอยยิ้มของใครๆและกิจกรรมทำให้ผมหลุดออกจากวงโคจรแบบนั้น และเปลี่ยนมุมมองที่คนอื่นๆมองครอบครัวของผม ที่ถูกตีตราว่า ‘ลูกคนขายยา’” นั่นเป็นคำของ นายสุขวิชัย อิทธิสุคนธ์หรือ “ม๊อบ” เยาวชนคนเก่ง อายุ 18 ปี ของชุมชนวัดอัมพวา เครือข่ายบางกอกนี้…ดีจัง บอกเล่า ซึ่งก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นผู้ให้ เขาเองได้รับโอกาสมาก่อนจากพี่ๆ จากมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา พาทำกิจกรรมรณรงค์ต้านยาเสพติด กับคนในชุมชน ทั้งกิจกรรมให้ความรู้เรื่องยาเสพติด เกมต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ช่วยพาเขาออกมาจากวังวนของยาเสพติด “ครอบครัวผมโตมาท่ามกลางปัญหายาเสพติด และสูญเสียคนสำคัญไปถึง 2 คน คนแรกเป็นลุงของผมที่เสพยาเกินขนาด และอีกคนก็เป็นพ่อของผมเองถูกวิสามัญ ในข้อหาผู้ค้ารายใหญ่ เมื่อปี 2546 ตอนผม 5 ขวบ” …ชีวิตคนเราอาจจะเลือกอะไรไม่ได้ทุกอย่าง แต่ม๊อบเลือกที่จะเปลี่ยนจากสังคมเดิมๆ โดยใช้ความสูญเสียนั้นเป็นแรงกระตุ้น ก้าวสู่โลกเพื่อเพื่อนมนุษย์ ออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อนในพื้นที่ส่วนกลางของชุมชน เพื่อทิ้งช่วงเวลาที่อาจถูกใช้ ถูกชักจูงเข้าไปสู่วังวนเดิมๆ “ช่วงเวลาแค่เพียงนิดเดียวก็อาจจะดึงทั้งเพื่อนและผมกลับไปในสังคมแบบนั้นอีกได้ ผมเคยคิดนะว่า ‘พ่อแม่เลี้ยงเรามาแบบไหน เราคงต้องเป็นแบบนั้นตามพ่อกับแม่’ แต่พอเราเข้าเรียน ทำกิจกรรมกับพี่ๆ เพื่อนๆ ในพื้นที่ส่วนกลาง ความคิดผมก็เปลี่ยน ‘ครอบครัวเป็นคนให้ชีวิต แต่ตัวเราเองก็สามารถกำหนดชีวิตเราเองได้’” […]
เครือข่ายเพชรบุรีดีจัง ร่วมกับ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนตำบลนาพันสาม และวัดนาพรม จัดกิจกรรม “นาพันสามปันสุข” เปิด “โครงการท่องเที่ยววิถีไทย วิถีพุทธ วิถีพอเพียง อย่างยั่งยืน” และ วัดนาพรมประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ “อาคารพิพิธภัณฑ์ชาวนา” ณ ตลาดน้ำนาพันสาม วัดนาพรม อ.เมืองเพชรบุรี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2559 โดยมีกิจกรรม “รวมมิตร ติดยิ้ม” ของเครือข่ายเพชรบุรีดีจัง และกิจกรรมของนักศึกษาสาขาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี เข้าร่วมด้วย กิจกรรมนี้ นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน “นาพันสามปันสุข” และนายชัยยะ อังกินันทน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรม “รวมมิตร ติดยิ้ม” และทั้ง 2 ท่านก็ได้เดินเยี่ยมชมซุ้มกิจกรรมของเครือข่ายเพชรบุรี…ดีจัง อย่างใกล้ชิดโดยมีท่านวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี คุณศรีสมร เทพสุวรรณ์ และแกนนำเยาวชน ฝ้ายยย ย. Tanyim Sirikwan และ Sunisa […]